savestock

savestock

Thursday, January 9, 2014

แฉกลลวงของการออมในหุ้น เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้บอกคุณหรอกนะ

วันนี้นักแกะรอยหยักอย่างผม จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับศาสตร์ ของ "จิต" ...คือ จิตที่เข้าใจ จะสร้างความมั่งคั่ง โดยที่เราแทบไม่ต้องเหนื่อย ... ผมไม่ได้โม้นะ ...คนรวยจากความเข้าใจ เป็นการรวยชั้นสูง ซึ่งผู้รวยด้วยวิธีนี้ มักจะรักษาความรวยนั้นๆ ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย ... โอ้ว -- YES!!
เรามักเคยได้ยินแต่ "การออมในธนาคาร".. ก็ใช่ เพราะการออมในธนาคาร มันไม่ซับซ้อน ไม่ได้ต้องใช้ความเข้าใจอะไรมากมาย คือ เอาเงิน "หนึ่งก้อน" เอาไปฝากไว้ที่ธนาคาร ...พอผ่านไปหนึ่งปี ก็ได้รับผลตอบแทนซึ่งเป็น "ดอกเบี้ยเงินฝาก" ...ส่วนเงินต้นก็ยังอยู่เท่าเดิมทุกประการ ..."โอ๊ว!! แม่เจ้า ดีสุดยอด เงินต้นเท่าเดิมเลย แถมได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยอีกด้วย" (สมัยก่อน ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเงินเฟ้อ ..ก็การที่แต่ละปี ข้าวครอง ค่าครองชีพ จะแพงขึ้นเรื่อยๆ ...เงินเฟ้อก็คือ ศัตรูของเงินฝาก เพราะจำนวนเงินต้นมันเท่าเดิม แต่มูลค่ามันลดลงอย่างต่อเนื่อง ...ศัตรูของเงินเฟ้อก็คือ เงินฝาก และจริงๆ เราไม่ค่อยได้คุยกันก็คือ "เพื่อนของเงินเฟ้อ" เขาคือใครล่ะ ?? .... ใช่ !! เมื่อเงินฝาก เป็นศัตรูของเงินเฟ้อ ... หากเราต้องการรักษามูลค่าของเงิน เราก็ต้องทำความรู้จัก เพื่อนของเงินเฟ้อ จริงไหมครับ..หุ หุ หุ) "เพื่อนของเงินเฟ้อ" ก็คือ "สินทรัพย์ หรือ Asset เช่น ที่ดิน , อสังหา , Commodity เช่น ทอง และ หุ้น (เพื่อนของเงินเฟ้อ คือ สิ่งของหรืออะไรก็ได้ ที่มูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา สวนทางกับเงินสด ที่มูลค่าลดลงตามกาลเวลา ...คนรวยจริงๆ ลองไปสังเกตดูครับ ว่า ไม่มีใครนั่งกอดเงินสดแล้วจะรวยได้ เพราะมูลค่ามันมีแต่ลดลง ...คนที่ออมเงินไว้ใน สินทรัพย์(เพื่อนเงินเฟ้อ) จึงมีโอกาสรวยมากกว่า ในระยะยาว!!" จริงๆ การออมเงินในธนาคาร เป็นเรื่องดี ในอดีต ที่ผลตอบแทน "ดอกเบี้ย" มันสูง ...แต่เดี๋ยวนี้ดอกเบี้ยธนาคารมันไม่ใช่ 10% เหมือนในอดีตสมัย พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ของเรา.. "คิดง่ายๆ ถ้าผมย้อนเวลากลับไปในสมัยก่อน ...ถ้าได้ดอกเบี้ย 10% จริง ..ผมคงไม่ต้องมาลงทุนให้มันเมื่อย เพราะนั่นเพียงพอแล้วที่จะรักษาให้มูลค่าของเงินสูงกว่าเงินเฟ้อที่ตามกัดกินมูลค่าของเงิน ... แต่ปัจจุบัน ดอกเบี้ยมันต่ำสุดขั้ว ถ้าเป็น Saving ปกติ ต่ำกว่า 1% ...บ้าหรือ ใส่ตู่มฝังไว้ใต้ถุนบ้าน ดีกว่าไหม...555 มาดูเรื่องการออมในหุ้น !! "มีหลายคนสงสัยว่า จะออมในหุ้นอย่างไร ในเมื่อราคาหุ้น มันแกว่งผันผวนขึ้นลง เช่นนี้"... มาดูกัน

"เห็นแล้วซี๊ต!! เพราะมันผันผวนจริงๆ... นี่คือ ราคาหุ้นปูนซิเมนต์ไทย หนึ่งในบริษัท Too Big Too Fail ของเมืองไทย ที่เติบโตตาม GDP ...นั่นแปลว่า ในระยะยาว บริษัท Too Big Too Fail เหล่านี้ จะค่อยๆโต ตาม GDP ของประเทศที่ค่อยๆโต ตามการบริโภคของคนในประเทศบวกกับเงินเฟ้อ ...ดังนั้น คิดง่ายๆเลยว่า ในภาพใหญ่หุ้นลักษณะนี้ ก็ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ" ... สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้น ลองดู "เส้นสีแดง" (เส้น Moving Average) ...ถ้าให้จินตนาการพื้นฐานของบริษัท ผมว่ามันคือ "เส้นแดง" นั่นแหละ ... ถ้าดูดีๆจะเห็นเลยว่า หุ้น มันมีการขึ้นลงเหมือน น้ำ !!! ...ขึ้นลงเป็น "รอบๆ" ...เหมือน น้ำเลย คิดดีๆ ...และที่น่าสนใจก็คือ ในทุกรอบ การขึ้น ราคาจะวิ่งขึ้นไปเลยพื้นฐาน (เพราะคนมีความโลภ) ...จากนั้น เวลาหุ้นมันลง ราคาก็จงลงต่ำกว่าพื้นฐาน (เพราะคนมีความกลัว).... แต่สุดท้าย ราคาก็จะปรับเข้ามา ที่เส้นพื้นฐานของกิจการ ซึ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ...ถูกต้องแล้ว!! ที่คนส่วนใหญ่เล่นหุ้นแล้วขาดทุน ก็เพราะ เขาซื้อพร้อมๆคนส่วนใหญ่ ในทุกๆรอบการขึ้น ซึ่งเป็นการซื้อที่แพงกว่ามูลค่า ตามแห่ กับฝูงชนด้วยความโลภ ตามข่าวดีอะไรก็ว่าไป ...จากนั้น เขาก็ขายพร้อมๆกับฝูงชน ที่รีบขายเพราะความกลัวจากข่าวร้าย ขายตามแห่ พร้อมๆฝูงชน -- สรุปก็คือ ซื้อแพง แล้ว ขายถูก ทุกๆ รอบ ..."ก็เจ๊งดิครับ" ถ้าเราคิดดีๆ ...ในโลกนี้ มันไม่มีอะไรที่มันสุดโต่งได้นานๆหรอกจริงไหม ...มีวิกฤต เดี๋ยวสุดท้ายมันก็ผ่านไป ... มี Bubble เศรษฐกิจบูมสุดๆ เดี่ยวมันก็ผ่านไป ...มีวิกฤตอเมริกา ยุโรป เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ... มี Bubble อีกรอบ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ... โอ๊ว!! เมื่อเข้าใจว่า ทุกอย่างมีเกิดและดับ "เกิด ดับ" -- เราไปบวชดีกว่า ...อิ อิ ไม่ถึงขนาดนั้น ...ผมเพียงอยากจะชี้ให้เห็นว่า หากเราเข้าใจ วัฎจักรของความโลภ และ ความกลัว ของมนุษย์ ที่จะทำอะไรตามแห่ พร้อมๆกัน ..นั่นคือ ความล้มเหลวของฝูงชน ...การประสบความสำเร็จจริงๆ มันอยู่แค่เอื้อม ในใจเรา ..คือ เราสามารถตัดอารมณ์ โลภ และ กลัว ออกไปได้หรือไม่ -- "ถ้าตัดได้ ..จิตคุณสูงพอที่จะเป็นคนรวย!!" ดังนั้น ถ้าเข้าใจ ..."หุ้น" ซื้อตรงไหนก็ได้ แล้วไม่ขายอีกเลย ...แค่นี้ก็รวยแล้ว ...คิดดีๆ คือ หนึ่ง หุ้นนั้นต้องเป็นหุ้นที่ Too Big Too Fail ...ในตลาดเรามีหุ้นแบบนี้มากมาย บริษัทที่มียอดขาย เป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ก็แปลว่า คนต้องกินต้องใช้ สินค้าและบริการของบริษัทนั้นๆ ..แล้วถ้าเรามองเห็นว่า มันมีอนาคตที่คนต้องกินต้องใช้ต่อไป มันย่อมเติบโตไปเรื่อยๆ "แปลว่าหุ้นนี้มี Capital Gain คือ มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา" สอง หุ้นนั้นควรเป็นบริษัทที่มีกำไรต่อเนื่อง และก็ให้ปันผลอย่างต่อเนื่อง เช่น บางกิจการให้ปันผล 10% ต่อปี ..."คุณถือเฉยๆ 10 ปี ก็ได้เงินต้นคืนแล้ว ..ไม่เห็นต้องขายเลย" ผมมี Trick อยู่อีกนิดนึง ในฐานะ ที่ผมเอง ก็แบ่ง Port ส่วนใหญ่ ของตัวเอง "ออมในหุ้น" ก็คือ --- จังหวะในการซื้อ ... ใช่!! ซื้อตรงไหนก็ได้ ในเมื่อในระยะยาว ก็กำไร แต่จะดีกว่าไหม หากเราซื้อในจังหวะที่ดีขึ้น ..."ดีครับ!!" "คือ ทุกๆปี ตลาดหุ้นจะมี Grand Sales อย่างน้อย 2-3 ครั้ง ... ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ที่ทุกปีหุ้นจะตกแรงๆ 2-3 ครั้ง ตามข่าวร้าย ... ในเวลาที่ตลาดหุ้นลงแรงๆ มันแปลว่า คนส่วนใหญ่ขายหนีตายด้วยความกลัว (หุ้นแต่ละตัวขึ้นลงตาม Demand & Supply เมื่อคนแย่งกันขายออกมาพร้อมกัน ราคาก็จะลง ก็เท่านั้นเอง) ...เราก็แค่อาศัยจังหวะนั้น เข้าไปเก็บหุ้นที่เราหมายตาไว้ ...ศัพท์ที่ผมใช้สำหรับหุ้นที่หมายตาไว้ คือ Stock Wish List -- "List ของหุ้นที่เราอยากได้ แต่เราไม่ซื้อ เราจะซื้อต่อเมื่อตลาดมี Grand Sales เท่านั้น" จริงๆ ฟังดู ไม่ยากเลยนะครับ ...มองหุ้นเหมือนสินค้าแฟชั่น ก็รอ Sales ใหญ่ ซึ่งมีทุกปี แต่ละปี ก็อย่างน้อย 2-3 ครั้ง บางปีมี Sales แรงๆ อย่างปี 2008 ..ก็ยิ่งดี ... คือ ยิ่งวิกฤตก็ ยิ่งเป็นโอกาส ... ฟังดูง่าย แต่ทำยาก เพราะคนที่ทำได้ ก็คือ คนที่จะรวยสุดๆเท่านั้นเอง ซึ่งตามสถิติ มีไม่ถึง 20% ของประเทศ "มาเป็นคน 20% นั้นด้วยกันนะครับเพื่อนๆ!!" ...เริ่มจาก แบ่งเงินหนึ่งส่วน ที่เราวางอยู่ที่ในธนาคาร ไม่ได้ใช้ ...ตัดใจเอาส่วนนั้นมาออมในหุ้น ...เริ่มทำการบ้าน จากการหา Stock Wish List ...แล้วก็รอ Grand Sales ...จากนั้นเมื่อเรามีจิตแข็งแกร่ง และ มีความเข้าใจตลาด ..ก็ค่อยๆ เพิ่มจำนวนเงินออมในหุ้น ให้มากขึ้นเรื่อย ....สิ่งนี้แหละที่เขาเรียกว่า Money work for you ..."เงินทำงานหนักเยี่ยงทาสให้กับเรานั่นเอง" ลองทำดู ... ขอให้คุณ ทำได้ ... "ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้ ถ้าเรามี Passion ที่จะทำ" ...แต่การสร้างความมั่งคั่งที่ถูกต้อง ต้องเริ่มที่ Mind Set ของการลงทุนที่ถูกต้อง ...ต้องเริ่มจากการทำจริงๆ เริ่มก้าวเล็กๆ และก็ค่อยๆ เติบโต ...สู้ สู้ ครับ!!

5 comments:

  1. แนวคิดเตือนสติได้ดีมากครับ ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  2. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete
  3. ขอบคุณมากค่ะ

    ReplyDelete
  4. ขอบคุณมากๆคะ

    ReplyDelete
  5. ขอบคุณค่ะ ขอแชร์ค่ะ

    ReplyDelete